วันนี้ 27 เม.ย. 67 ที่หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์โครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลในการขับเคลื่อน Soft Power เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคม และการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นำงานด้านศิลปะและการจัดเทศกาลลงสู่การปฏิบัติ ผ่านการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งเป็นงานศิลปะระดับโลกของประเทศไทย เริ่มจัดงานตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 นี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินงาน ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพของการจัดงานในปี 2025 เรียบร้อยแล้ว โดยจัดให้มีพิธีมอบธงสัญลักษณ์โครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale จากจังหวัดเชียงราย จังหวัดเหนือสุดแดนสยามที่งดงามด้วยธรรมชาติ ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม สู่จังหวัดภูเก็ต ดินแดนไข่มุกแห่งอันดามัน พร้อมทั้งมอบโล่ และใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อแสดงความขอบคุณไปยังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วน ที่ให้การสนับสนุน ทำให้โครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 สำเร็จลุล่วงเป็นไปตามเป้าหมายในวันที่ 27 เมษายน 2567 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งจังหวัดภูเก็ตได้นำศิลปินและเครือข่ายเดินทางเข้าร่วมงานจำนวนกว่า 300 คน แสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวอย่างมากของจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ ในด้านการเตรียมการจัดงานในครั้งต่อไปกระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยและจังหวัดภูเก็ต ได้เริ่มมีการศึกษาพื้นที่ พูดคุยกับภาคส่วนต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต มีเตรียมความพร้อม การประกวดมาสคอตของจังหวัด รวมถึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการในการดำเนินงานจำนวน ๒ ชุด ประกอบด้วยคณะกรรมการอำนวยการ และคณะกรรมการาดำเนินงาน ซึ่งมีการประชุมครั้งที่ ๑ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ที่ผ่านมา โดยแผนการทำงานในระยะต่อไป คือการเตรียมการคัดเลือกภัณฑารักษ์ และการกำหนด theme ของการสร้างสรรค์ผลงานจังหวัดภูเก็ต และการคัดเลือกศิลปิน ด้วยความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต เชื่อได้ว่าการจัดงาน Thailand Biennale, Phuket 2025 จะมีความยิ่งใหญ่ ขับเคลื่อนต้นทุนที่เป็น Soft Power ให้สามารถสร้างเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศได้ไม่น้อยกว่าจังหวัดเชียงรายอย่างแน่นอน